ในการใส่ฟันปลอม มีหลายแบบ โดยแบ่งง่ายๆ เป็น 3 ประเภท ได้แก่ 1. ฟันปลอมแบบถอดได้ 2. ฟันปลอมแบบติดแน่น 3. ฟันปลอมแบบรากเทียม มาดูกันว่าแต่ละแบบเหมาะสำหรับสุขภาพช่องปากแบบไหน แต่ละแบบมีข้อดี ข้อเสีย อย่างไร
1. ฟันปลอมแบบถอดได้ ซึ่งยังแบ่งประเภทย่อยๆ ตามวัสดุที่ใช้ทำ เช่น ฐานโลหะ หรือพลาสติก
- ข้อดี ราคาถูก ราคาหลักพัน ขึ้นกับจำนวนซี่ที่ใส่ สามารถถอดมาล้างทำความสะอาดได้
- ข้อเสีย เคี้ยวอาหารไม่สะดวก ประสิทธิภาพน้อย น่ารำคาญเวลาใส่ การบดเคี้ยว ทดแทนฟันธรรมชาติ ได้ประมาณ 30% ระยะยาว อาจหลวม ไม่แน่นดังเดิม เคี้ยวของเหนียว อาจหลุดออกจากตำแหน่งเดิม เศษอาหารอาจติดใต้ฟันปลอม ยามที่สันเหงือกอาจทรุดตัวเมื่อเวลาผ่านไปนานๆ ทำให้รำคาญขณะทานอาหาร
ฟันปลอมแบบถอดได้ เหมาะสำหรับการใส่ฟันหลอหลายๆ ซี่ ถ้าใส่ฟันปลอมแบบถอดได้ น้อยๆ ซี่ จะน่ารำคาญกว่า เพราะฟันปลอมชนิดนี้ต้องมีส่วนยึดโยงบนเพดานหรือตรงใต้ลิ้นเพื่อยึดฟันปลอม การทำซับซ้อนน้อยกว่า ค่าใช้จ่าย ถูกกว่า ทำความสะอาดง่าย ถอดออกมาล้าง สะอาดทั้งฟันจริงและฟันปลอม ฟันข้างเคียงที่เกี่ยวข้อง ไม่ถูกรบกวนมากเกินไป คือถูกกรอตกแต่งไม่มาก
2. ฟันปลอมแบบติดแน่น หรือเรียกว่าสะพานฟัน แบ่งเป็นประเภทย่อยๆ เช่นกันตามชนิดของวัสดุที่ใช้ทำ
- ข้อดี สวยงาม ประสิทธิภาพดี แข็งแรง ประสิทธิภาพการบดเคี้ยว เกือบเป็นปกติ เพราะแรงที่เคี้ยวถ่ายลงตัวฟัน ไม่ใช่ถ่ายลงที่เหงือก ไม่รำคาญ เพราะไม่มีระยางค์มากมาย เหมือนฟันถอดได้ หลุดยาก ทำให้มั่นใจ ในการใช้งาน
- ข้อเสีย ต้องมีการกรอฟันข้างเคียงเพื่อยึดฟันปลอม ทำให้สูญเสียเนื้อฟัน ถอดออกมาล้างทำความสะอาดไม่ได้ ติดอยู่ในปากของเราเลย หากเราแปรงฟันทำความสะอาดไม่ดีอาจทำให้ฟันข้างเคียงเสียหายไปได้ เป็นโรคเหงือก หรือฟันผุได้ง่าย ราคาแพง ประมานหลักหมื่น ต้องเป็นคนละเอียดใส่ใจในการทำความสะอาด สุขอนามัยในช่องปากต้องดี เพราะถ้าไม่ดี จะเป็นตัวบ่งชี้ ความเอาใจใส่ ฟันปลอมชนิดนี้ ทำความสะอาดลำบาก เพราะถอดไม่ออก ต้องมีเครื่องมือทำความสะอาดเฉพาะ
ฟันปลอมแบบ ติดแน่นเหมาะกับฟันหลอน้อยซี่ (1-2 ซี่) เพราะต้องกรอฟันข้างเคียงเพื่อยึด ถ้าฟันข้างเคียงที่ใช้ยึด สภาพไม่ดี เป็นโรคเหงือก ก็ไม่สามารถทำฟันปลอมชนิดนี้ได้
3. รากฟันเทียม อาจจัดเป็นฟันปลอมชนิด ติดแน่น ชนิดหนึ่ง แต่แทนที่จะใช้ฟันข้างเคียงเป็นตัวยึด จะมีการกรอกระดูกปักรากฟันเทียมลงไปตรงเหงือกนั้นเพื่อกรอเป็นรากฟันขึ้นมาและจะทำตัวฟันครอบฟันลงไปอีกที
- ข้อดี เหมือนฟันจริงมากที่สุดในปัจจุบัน ประสิทธิภาพและความสวยงามดี ให้ประสิทธิภาพการเคี้ยวเท่าเทียมฟันจริง ไม่เกิดการผุซ้ำ ตรงที่ทำ เพราะไม่มีฟันให้ผุอีก
- ข้อเสีย ราคาค่อนข้างสูง และใช้ระยะเวลาในการทำ ประมาณ 6 เดือนจะมีขั้นตอนการรักษาเป็นระยะๆ เช่น การผ่าตัด ปักรากเทียม ถ้าล้มเหลว การแก้ไข ทำได้ลำบาก เพราะเป็นหัตการ ฝังแท่นเข้าถึงกระดูก
ฟันปลอมแต่ละชนิดมีข้อกำหนดและวิธีปฏิบัติขั้นตอนในการทำแตกต่างกัน ฟันปลอมแบบถอดได้มีข้อกำหนดน้อยที่สุด ฟันปลอมแบบติดแน่นมีข้อกำหนดมาก และรากฟันเทียมมีข้อกำหนดเยอะที่สุด
รู้กันไปแล้วว่า ฟันปลอมมีกี่ประเภท ก็เลือกให้เหมาะสมกับตัวเราเองมากที่สุด การที่เรามีฟันในปากไม่ครบจำเป็นมากๆ ที่เราจะต้องไปใส่ฟันปลอม เพราะไม่อย่างนั้นฟันที่อยู่ด้านของฟันที่หลุดออกไปก็อาจจะเอียงล้ม เหงือกของเราก็อาจจะอักเสบเพราะอาหารมากระแทก แถมยังเสี่ยงกับฟันผุง่ายๆ เพราะเศษอาหารมันจะเข้าไปติดตามซอกเหงือกที่ไม่มีฟัน ดังนั้นก็อย่ามั่วลังเลรอช้าอยู่เลยคะ
หากคนไข้สนใจทำฟันปลอม จะต้องไปให้คุณหมอตรวจสภาพช่องปากเสียก่อน เพราะคนเราแต่ละคนก็เหมาะกับฟันปลอมแตกต่องกัน ไม่ใช่ว่าเราสามารถเลือกทำฟันปลอมชนิดไหนก็ได้เสมอไป หากใครที่มั่นใจอยากทำฟันเทียม ศูนย์ทันตกรรม PMDC ของเรามีความเชี่ยวชาญและเป็นผู้นำในเรื่องการทำฟันที่มีคุณภาพไม่ว่าจะเป็นเรื่องการทำรากฟันเทียม เคลือบฟัน ดัดฟัน ฟอกสีฟัน ก็มีบริการในส่วนนี้เช่นกัน โดยการทำฟันปลอมและรากฟันเทียม ถือได้ว่ามีคนนิยมให้ความสนใจกันเป็นจำนวนมาก ทั้งชาวไทย และชาวต่างชาติ ที่บินมาจากต่างประเทศเพื่อทำรากฟันเทียมกับทางศูนย์ทันตกรรม PMDC ด้วยเพราะเราเป็นผู้เชี่ยวชาญด้านทันตกรรมความงาม การรักษาที่ทำออกมา นอกจากจะแก้ปัญหาการสูญเสียฟันแล้ว แต่ยังออกมาดูเป็นธรรมชาติเสมือนฟันแท้
ต้องการอ่านเพิ่มเติ่มเกี่ยวกับฟันปลอม คลิกได้ที่ลิ้งนี้ค่ะ ฟันปลอม