จัดฟัน ทุกอย่างที่ควรรู้ก่อนการจัดฟัน

การจัดฟันระบบDamon

การจัดฟันแบบดามอน (Damon) เป็นการจัดฟันที่ใช้ Bracket ลักษณะพิเศษซึ่งยึดติดกับลวดอ่อนในการจัดฟันด้วยบานเลื่อน แทนการใช้หนังสติก ทำให้ลวดออกแรงกับฟันอย่างช้าๆมีประสิทธิภาพ ออกแรงกับฟันได้นานกว่า จัดฟันได้เร็ว และตึงหรือเจ็บฟันน้อยกว่าการใช้หนังสติ๊กซึ่งออกแรงมากต่อฟันทันที และแรงหมดอย่างรวดเร็ว ส่งผลให้จัดฟันได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น เจ็บน้อยลงและระยะห่างในการพบทันตแพทย์แต่ละครั้งนานขึ้น ไม่ต้องพบทันตแพทย์บ่อยๆ ปัจจุบันมีทั้งแบบสีโลหะ และสีใสที่ทำให้เห็นเครื่องมือโลหะน้อยมาก

การจัดฟันระบบInvisalign

การจัดฟันแบบใส Invisalign เป็นการจัดฟันที่ไม่ต้องมีเครื่องมือติดในช่องปาก แต่เป็นการใช้เครื่องมือถอดได้ชนิดใส (Clear Aligner) หลายๆชิ้นซึ่งผลิตขึ้นจากการวางแผนการรักษาในคอมพิวเตอร์สามมิติโดยไล่ระดับการเคลื่อนตัวของฟันไปทีละน้อย การจัดฟันจึงเป็นการค่อยๆเปลี่ยนเครื่องมือถอดได้ชนิดใสนี้ไปเรื่อยๆทีละชิ้น จนฟันเคลื่อนที่ไปตามการวางแผนการรักษาจนฟันมีการเรียงตัวที่ดีและสวยงามตามแผนการรักษา

ขั้นตอนการจัดฟัน

การจัดฟันของทาง PMDC สามารถจัดได้สองระบบคือ Damon system ซึ่งเป็น Bracketร่วมกับการใช้ลวดดัดฟัน  และ Invisalign system ซึ่งเป็นการใส่เครื่องมือถอดได้ชนิดใสลงบนฟันบนและล่างและเปลี่ยนเครื่องมือไปเรื่อยๆเพื่อให้ฟันเคลื่อนไปตามแผนการรักษาที่วางไว้

Damon system

  • ขั้นตอนการรักษาในระบบ Damon system จะเริ่มจากการพบทันตแพทย์เพื่อปรึกษาเรื่องการจัดฟัน ทันตแพทย์จะถ่ายรูป Digital พิมพ์ปากและส่งถ่าย Panoramic และ Lateral Cephalometric X-ray จากนั้นจะนัดคนไข้มาฟังแผนการรักษา
  • ทันตแพทย์จะอธิบายแผนการรักษาว่าสามารถจัดฟันได้อย่างไรบ้าง เมื่อคนไข้ยอมรับแผนการรักษา ทันตแพทย์จะนัดมาใส่เครื่องมือ Damon ติดแน่นในช่องปาก และจะนัดมาปรับเครื่องมือทุกๆประมาณ 6-8สัปดาห์จนกว่าจะเคลื่อนฟันไปได้ตามแผนการรักษาซึ่งส่วนใหญ่ใช้เวลาราว 1-2 ปี
  • หลังจากเคลื่อนฟันจนเป็นที่พอใจแล้วทันตแพทย์จะถอดเครื่องมือจัดฟัน Damon และพิมพ์ปากเพื่อทำ Retainer ซึ่งเป็นเครื่องมือกำกับไม่ให้ฟันเคลื่อนตัวไปจากต่ำแหน่งที่จัดไว้ดีแล้ว และให้ใส่อยู่ระยะหนึ่ง หากฟันมีเสถียรภาพของตำแหน่งฟันที่ดีก็จะสามารถหยุดการใช้ Retainerได้ เป็นอันเสร็จการรักษา

Invisalign system

  • ขั้นตอนการรักษาของระบบ Invisalign จะเริ่มจากการพบทันตแพทย์เพื่อปรึกษาเรื่องการจัดฟัน ทันตแพทย์จะถ่ายรูป Digital พิมพ์ปากและส่งถ่าย Panoramic และ Lateral Cephalometric X-ray จากนั้นจะนัดคนไข้มาฟังแผนการรักษา
  • ทันตแพทย์จะอธิบายแผนการรรักษาของระบบ Invisalign ว่าสามารถจะจัดฟันได้อย่างไรบ้างหากคนไข้ยอมรับการรักษาทันตแพทย์ก็จะทำการพิมพ์ปากด้วย Intraoral Scanner เพื่อส่งทางบริษัท Invisalign อเมริกาเพื่อทำชิ้นงาน
  • จากนั้นเมื่อได้ขั้นตอนการรักษาอย่างละเอียดซึ่งเป็นการวางแผนของทันตแพทย์แต่จัดทำโดยบริษัท Invisalign เรียบร้อยแล้วจะนัดคนไข้เข้ามาดูข้อมูลและรับทราบแผนการรักษาโดยละเอียด เมื่อคนไข้ยอมรับแผนการรักษาแล้วจะอนุมัติให้สร้างขิ้นงานและนัดคนไข้มารับเครื่องมือ Invisalign
  • คนไข้เข้ามารับเครื่องมือ Invisalign และอธิบายวิธีการใส่และใช้งาน จากนั้นจะนัดเข้ามาตรวจเครื่องมือเป็นระยะจนกว่าฟันจะเคลื่อนตัวไปตามแผนการรักษา 
  • เมื่อเคลื่อนฟันจนเป็นที่พอใจของคนไข้ จะทำการพิมพ์ปากเพื่อทำ Retainer และนัดเข้ามารับ Retainer เป็นอันเสร็จสิ้นการรักษา

ค่ารักษาจัดฟัน

เริ่มต้นจัดฟันเพียงเดือนละ 4,000.- (Damon) 30,000.- (Invisalign)

การรักษา

THB

1 AUD =

22.85 THB

1 EURO =

36.96 THB

1 USD =

34.31 THB

DURATION

จัดฟัน

Damon Low Friction Metal Brackets

ชำระครั้งแรกเมื่อพิมพ์ปาก ถ่ายรูป และวางแผน

4,000

175

108

117

 

ชำระครั้งที่สองเมื่อติดเครื่องมือจัดฟัน

30,000

แบ่งชำระ 6 งวด**

1,313

แบ่งชำระ 6 งวด**

812

แบ่งชำระ 6 งวด**

874

แบ่งชำระ 6 งวด**

 

ชำระครั้งต่อไปทุกๆประมาณสองเดือนที่มาจัดฟัน

ครั้งละ 2,000

(20 - 30 ครั้ง)

ครั้งละ 88

(20 - 30 ครั้ง)

ครั้งละ 54

(20 - 30 ครั้ง)

ครั้งละ 58

(20 - 30 ครั้ง)

 

ค่า Retainer

ฟรี (Free) ฟรี (Free) ฟรี (Free) ฟรี (Free)

 

รวม

74,000 - 94,000 3,238 - 4,113 2,002 - 2,543 2,156 - 2,740

 

Damon Low Friction Clear Brackets

ชำระครั้งแรกเมื่อพิมพ์ปาก ถ่ายรูป และวางแผน

4,000

175

108

117

 

ชำระครั้งที่สองเมื่อติดเครื่องมือจัดฟัน

40,000

แบ่งชำระ 6 งวด**

1,750

แบ่งชำระ 6 งวด**

1,082

แบ่งชำระ 6 งวด**

1,166

แบ่งชำระ 6 งวด**

 

ชำระครั้งต่อไปทุกๆประมาณสองเดือนที่มาจัดฟัน

ครั้งละ 2,000

(20 - 30 ครั้ง)

ครั้งละ 88

(20 - 30 ครั้ง)

ครั้งละ 54

(20 - 30 ครั้ง)

ครั้งละ 58

(20 - 30 ครั้ง)

 

ค่า Retainer

ฟรี (Free)

ฟรี (Free)

ฟรี (Free)

ฟรี (Free)

 

รวม

84,000 - 104,000

3,676 - 4,551

2,272 - 2,814

2,448 - 3,031

 

Invisalign

ชำระครั้งแรกเมื่อพิมพ์ปาก ถ่ายรูป และวางแผน

4,000

175

108

117

 

ชำระเมื่อตกลงทำการรักษาและพิมพ์ปากเพื่อส่งทำชิ้นงาน 6 งวด

งวดละ 30,000***

งวดละ 1,313***

งวดละ 812***

งวดละ 874***

 

ชำระครั้งที่สามเมื่อรับทราบแผนการรักษา

-

-

-

-

 

ชำระครั้งสุดท้ายเมื่อรับเครื่องมือ Invisalign

-

-

-

-

 

รวม

184,000

8,052

4,978

5,363

 

 

* การเคลียร์ช่องปากก่อนจัดฟัน

ก่อนที่จะใส่เครื่องมือจัดฟันจำเป็นที่จะต้องทำการตรวจฟันเพื่อ

  • ขูดหินปูนและทำความสะอาดฟันให้เรียบร้อยเพื่อให้คนไข้มีสุขภาพเหงือกที่ดีก่อนทำการจัดฟัน ในรายที่เป็นโรคเหงือกจำเป็นที่จะต้องรักษาโรคเหงือกให้เรียบร้อยก่อนที่จะทำการใส่เครื่องมือจัดฟัน
  • ตรวจรอยผุในช่องปากและทำการบูรณะฟันให้เรียบร้อยก่อนใส่เครื่องมือจัดฟัน ในระหว่างการจัดฟันหากพบรอยผุเพิ่มเติมจะบูรณะฟันได้ยาก ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องถอดเครื่องมือเพื่อมาบูรณะฟันทำให้การรักษาล่าช้าออกไป การบูรณะฟันส่วนใหญ่ก็เป็นการอุดรอยผุ ในบางกรณีอาจจำเป็นต้องมีการทำครอบฟันซึ่ง อาจทำเป็นครอบพลาสติกแล้วค่อยเปลี่ยนเป็นครอบถาวรหลังจัดฟันเสร็จ หรืออาจทำเป็นครอบถาวรไปเลยแล้วแต่กรณี
  • ถอนฟันซี่ที่ทันตแพทย์จัดฟันวางแผนให้ถอนฟันออก เช่นการผ่าฟันคุดออก หรือถอนฟันกรามน้อยในกรณีที่ต้องการหาเนื้อที่ในการเคลื่อนฟัน เช่นในกรณีที่มีฟันซ้อนเกบริเวณฟันหน้า

ข้อดี ข้อเสียของการจัดฟัน

ข้อดีของการจัดฟัน

  1. การจัดฟันทำให้ฟันของคนไข้มีสุขภาพฟันและการสบฟันดีขึ้น เนื่องจากก่อนหน้าที่จะมีการจัดฟัน คนไข้จะต้องตรวจเช็คสภาพฟันกับทันตแพทย์ที่จะทำการจัดฟันเช่น การอุดฟัน การผ่าฟันคุด การขุดหินปูน และการรักษาฟันผุ ทำให้ไม่มีปัญหาเรื่องสุขภาพในช่องปากก่อนรับการจัดฟัน
  2. เมื่อจัดฟันเสร็จแล้วจะทำให้การเคี้ยวหรือการสบฟันดีขึ้นเนื่องจากจริงๆแล้วการจัดฟันจะช่วยทำให้การสบฟันของเราดีขึ้น ซึ่งจะช่วยในการเคี้ยวอาหารได้ดีขึ้น
  3. การจัดฟันอาจจะมีส่วนในการช่วยทำให้โครงหน้าเปลี่ยนให้ดีขึ้นโดยไม่ต้องผ่านการศัลยกรรม รวมถึงทำให้สร้างบุคลิกภาพของเราให้ดีขึ้น ทำให้คนไข้มีความมั่นใจในการยิ้มมากขึ้น

 ข้อเสียของการจัดฟัน

  1. เมื่อคนไข้จัดฟันแรกจะมีปัญหาที่กินอาหารอะไรแข็งๆหรือเหนียวๆมากไม่ได้ เนื่องจากกลัวตัว Bracket หลุด เวลาจะทำความสะอาดหรือแปรงฟันอาจจะต้องใช้เวลามากกว่าเดิมเพื่อทำให้ฟันสะอาด
  2. ใช้เวลานานในการจัดฟัน เนื่องจากการจัดฟันจะต้องติดเครื่องมือไว้ตลอดเวลา อาจทำให้มีความรำคาญในเครื่องมือในช่วงแรกๆที่ทำการจัดฟัน
  3. แปรงฟันยากและใช้เวลานานกว่าปกติ เนื่องจากจะต้องทำการแปรงในช่วงของ Bracket เพิ่มขึ้นด้วยจากปกติ จึงทำให้การแปรงฟันต้องใช้เวลาและให้ความสำคัญมากกว่าคนปกติ ซึ่งถ้าหากคนไข้แปรงฟันหรือรักษาสุขภาพฟันไม่ดี จะมีโอกาสทำให้เกิดฟันผุ ฟันเหลือง และเป็นโรคเหงือกได้ง่ายกว่าคนปกติ

ข้อควรปฏิบัติในระหว่างการจัดฟัน

  1. ไม่ควรกินอาหารที่มีความเหนียวหรือแข็งมากจนเกินไปเพราะมีโอกาสที่จะทำให้เครื่องมือหลุดและต้องใช้เวลามากขึ้นในการจัดฟัน
  2. ดูแลรักษาสุขภาพฟันโดยการแปรงฟันให้สะอาด เพื่อให้มีสุขภาพเหงือกที่ดีและไม่มีฟันผุเพิ่มเติมในระหว่างการจัดฟัน และควรทำความสะอาดรอบๆ Bracket ให้ดีเพราะมักพบเสมอๆว่าหลังถอดเครื่องมือจะมีรอยผุ หรือรอย Decalcify เป็นรอยๆขาวๆรอบๆ Bracket ทำให้ฟันไม่สวยงามได้
  3. ปฏิบัติตามคำแนะนำของทันตแพทย์โดยเคร่งครัด เช่นการเกี่ยวยาง  การใส่เครื่องมือขยายขากรรไกร การกลืนน้ำลายที่ถูกวิธี เป็นต้น
  4. มาพบทันตแพทย์ตามระยะการรักษาอย่างเคร่งครัด

วิธีการแปรงฟันและทำความสะอาดฟันในคนไข้จัดฟัน

การแปรงฟันในคนไข้จัดฟันก็เหมือนกับคนไข้โดยทั่วไป แต่จะมีการเพิ่มเติมในการแปรงบริเวณ Bracket และลวดจัดฟัน มีการใช้ Dental Floss ซึ่งจำเป็นต้องใช้เครื่องมือพิเศษเช่น Floss Threader เพื่อนำ Dental Floss ลอดเข้าใต้ลวดก่อนใช้ไหมขัดฟัน และมีการใช้ Proxabrush เพิ่มเติมเพื่อให้ทำความสะอาดบริเวณ Bracket ให้ดียิ่งขึ้น รายละเอียดการแปรงฟันและการทำความสะอาดฟันในคนไข้จัดฟันมีรายละเอียดดังต่อไปนี้

1. แปรงฟันเหมือนบุคคลทั่วไปตามขั้นตอนต่อไปนี้

- วางแปรงทำมุม 45 องศากับตัวฟันบริเวณขอบเหงือก ขยับแปรงในแนวหน้าหลังสั้นๆเบาๆไม่ให้พ้นซี่ฟัน เพื่อเน้นการทำความสะอาดที่คอฟันและบริเวณขอบเหงือก แล้วปัดแปรงไปทางด้านบดเคี้ยว หรือปลายฟัน แปรงทั้งด้านนอกและด้านในของฟันจนทั่วทั้งปาก

-  แปรงฟันด้านบดเคี้ยว โดยวางแปรงบนด้านบดเคี้ยว และแปรงในแนวหน้า-หลัง จนฟันสะอาด

2. แปรงเครื่องมือจัดฟันบริเวณ Bracket และลวด ด้วยการวางขนแปรงลงบน Bracket จากนั้นขยับแปรงหมุนรอบๆ Bracketในช่วงสั้นๆ และเน้นการแปรงเครื่องมือเหนือลวดและใต้ลวดอย่างทั่วถึง จนครบทุกซี่ฟัน

3. ใช้ Proxabrush ช่วยแปรงรอบๆ Bracket ในส่วนที่การแปรงฟันอาจเข้าไม่ถึง

4. ใช้ Dental floss ทำความสะอาดระหว่างซี่ฟัน และอาจใช้ทำความสะอาด Bracket เพิ่มเติม โดยการใช้เครื่องมือ Floss Threader ร้อย Dental floss เข้าใต้ลวดจัดฟัน เพื่อให้ผ่านเข้าไประหว่างซี่ฟันได้

 

ฟันแบบไหนที่ควรจัดฟัน

จริงๆแล้วในอดีต การจัดฟันจะมุ่งเน้นเพื่อแก้ไขให้คนไข้ที่มีความผิดปกติของการสบฟันให้มีการสบฟันที่ดีเป็นหลัก ซึ่งการสบฟันที่ดีนั้นย่อมทำให้เกิดความสวยงามของฟันและรอยยิ้มควบคู่ไปด้วย ในปัจจุบันต้องยอมรับว่าการจัดฟันโดยส่วนใหญ่จะมักจะเน้นไปทางด้านความสวยงามมากกว่า และแน่นอนทันตแพทย์จัดฟันที่ดีก็จะมุ่งเน้นให้คนไข้ได้ทั้งความสวยงามของรอยยิ้ม รูปหน้าควบคู่ไปกับการสบฟันที่ดีด้วย ฟันแบบไหนที่ควรจัดฟันก็จะหมายถึงฟันรูปแบบต่างๆที่ไม่สวยงามหรือมีความปกติของการสบฟันดังต่อไปนี้

  • ฟันซ้อนเก ไม่ว่าจะในบริเวณฟันหน้าหรือฟันหลัง
  • ฟันที่มีช่องห่างระหว่างฟันไม่สวยงาม ในกรณีที่มีช่องห่างระหว่างฟันซึ่งเกิดจากการมีขนาดฟันเล็กในขากรรไกรใหญ่อาจต้องปรึกษาทันตแพทย์ที่ดูแลเรื่องการบูรณะฟันเข้าร่วมด้วย บางครั้งอาจไม่มีความจำเป็นต้องจัดฟัน เพียงแต่สร้างฟันให้ใหญ่ขึ้นเพื่อปิดช่องว่างระหว่างฟัน บางครั้งการจัดฟันให้ช่องระหว่างฟันสมมาตรเหมาะสมก่อนการบูรณะฟันจะทำให้ได้ผลการรักษาที่สวยงามยิ่งขึ้น
  • มีฟันบนยื่นกว่าฟันล่างมาก (Class II malocclusion)
  • มีฟันล่างยื่นมากกว่าฟันบน (Class III malocclusion)
  • มีฟันล่างสบลึกเข้าไปในฟันบน (Deep bite)
  • มีฟันหน้าบนและล่างไม่สบกัน (Open bite)

จัดฟันควรเริ่มที่อายุเท่าไหร่

การจัดฟันสามารถเริ่มได้เมื่ออายุครบ 12 ปีซึ่งฟันแท้ขึ้นครบ หากมีอายุตั้งแต่ 6-12 ปีจะเป็นการจัดฟันเพื่อการป้องกันซึ่งมักรักษาโดยทันตแพทย์เฉพาะทางสำหรับเด็ก และคุณหมอจัดฟันสำหรับเด็ก 

อายุมากสามารถจัดฟันได้หรือไม่

ถึงปัจจุบันด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัยสามารถจัดฟันได้ทุกช่วงอายุ แต่ในผู้ที่มีอายุน้อยจะเคลื่อนฟันได้ง่ายกว่า 

จัดฟันมีกี่แบบ อะไรบ้าง

การจัดฟันเฉพาะที่นิยมในปัจจุบันอาจแบ่งได้เป็น3กลุ่ม

  •  กลุ่มที่ใส่ Bracket ร่วมกับการใช้ลวดโดยใช้หนังสติกในการยึด Bracket ติดกับลวด แบบนี้ถือว่าเป็นการจัดฟันแบบดั้งเดิมซึ่งก็มีประสิทธิภาพในการจัดฟัน แต่การจัดฟันอาจจะเจ็บหน่อย และเคลื่อนฟันได้ช้าหน่อย และจำเป็นต้องพบทันตแพทย์บ่อยครั้งประมาณเดือนละครั้ง ทั้งนี้เพราะหนังสติกจะลัดลวดกับ Bracket ด้วยแรงเต็มที่และจะหมด Actionค่อนข้างรวดเร็ว  ทำให้เจ็บหน่อยฟันเคลื่อนได้น้อยในการปรับเครื่องมือแต่ละครั้ง และต้องมาพบทันตแพทย์บ่อย
  • การจัดฟันระบบ Damon การจัดฟันระบบนี้จะเป็นการใช้ Bracket ร่วมกับการใช้ลวดชนิด Long acting ยึดเข้าด้วยกันอย่างหลวมด้วยบานเปิดปิด ทำให้การเคลื่อนฟันมีประสิทธิภาพ เจ็บน้อย และการปรับฟันแต่ละครั้งอยู่ได้นาน ค่อยๆเคลื่อนฟันไปอย่างมีประสิทธิภาพ และไม่จำเป็นต้องพบทันตแพทย์บ่อย ประมาณ 2 เดือนต่อครั้ง
  • การจัดฟันระบบ Invisalign  เป็นการจัดฟันที่ไม่ต้องมีเครื่องมือติดในช่องปาก แต่เป็นการใช้เครื่องมือถอดได้ชนิดใส (Clear Aligner) หลายๆชิ้นซึ่งผลิตขึ้นจากการวางแผนการรักษาในคอมพิวเตอร์สามมิติโดยไล่ระดับการเคลื่อนตัวของฟันไปทีละน้อย การจัดฟันจึงเป็นการค่อยๆเปลี่ยนเครื่องมือถอดได้ชนิดใสนี้ไปเรื่อยๆทีละชิ้น จนฟันเคลื่อนที่ไปตามการวางแผนการรักษาจนฟันมีการเรียงตัวที่ดีและสวยงามตามแผนการรักษา

การจัดฟัน เจ็บไหม

การจัดฟันจะก่อให้เกิดความเจ็บได้จากสาเหตุดังต่อไปนี้ แต่ก็เป็นการเจ็บที่ไม่มากนัก

  • การเจ็บจากการปรับเครื่องมือจัดฟันให้ฟันเคลื่อนไปในทิศทางที่ทันตแพทย์ต้องการ ซึ่งจะมีการเจ็บในลักษณะตึงฟัน อย่างไรก็ดีระบบ Damon ที่เราเลือกใช้จะเจ็บน้อยกว่าระบบธรรมดาทั่วไปที่เป็น Bracket แล้วใช้หนังสติ๊กรัดไว้ เพราะจะออกแรงในครั้งเดียวเลย ส่วน Damon จะเป็นลวด Long acting อยู่ใน Slot ของ Bracket ในลักษณะมีบานปิด ทำให้ออกแรงช้าๆ และออกแรงอยู่ได้นานๆทำให้เจ็บน้อยกว่า
  • เจ็บจากการระคายเคืองของเครื่องมือจัดฟันในช่องปากซึ่งอยู่นอกตัวฟันทำให้บาดริมฝีปาก หรือ กระพุ้งแก้ม หรือบางครั้งก็มีลวดแทงกระพุ้งแก้ม ซึ่งแก้ไขด้วยการตัดลวดออก หรือใช้ขี้ผึ้งปิดบรเวณเครื่องมือที่ระคายเคือง การเจ็บในลักษณะนี้ก็ไม่มากมายนัก

ระหว่างจัดฟันทานอะไรได้บ้าง

 คนไข้สามารถรับประทานอาหารได้ทุกอย่างแต่ทันตแพทย์จะแนะนำให้หลีกเลี่ยงการทานอาหารจำพวกของที่เหนียว หรือมีความแข็ง เช่น หมากฝรั่ง ขนมปังที่มีความแข็ง อาหารที่ต้องใช้การกัดแทะ หากเป็นอาหารที่มีความแข็งควรหั่นให้เป็นชิ้นพอดีคำแล้วค่อยรับประทาน

วิธีการทานสำหรับคนไข้จัดฟัน

การทานอาหารสำหรับคนไข้จัดฟันควรรับประทานอาหารอ่อนๆเช่นข้าวต้ม โจ๊ก น้ำแกงต่างๆ แต่ก็สามารถทานอาหารได้ทุกอย่างเช่นกันเพียงแต่พยายามตัดหรือสับให้เป็นชิ้นเล็กๆ เวลาทานควรทานคำละน้อยๆ และทานอย่างระมัดระวังเพราะบ้างครั้งในอาหารอาจมีก้อนแข็งๆที่เรานึกไม่ถึง ทำให้เครื่องมือเราหลุดได้ ควรทานอย่างยั้งๆไว้บ้างอย่ากัดเต็มแรงมากเกินไป การทานผลไม้ควรระวังพวกเม็ดแข็งๆควรปอกหรือหั่นเป็นชิ้นเล็กๆก่อนรับประทาน และสุดท้ายพวกอาหารเหนียวๆกัดไม่ขาดเช่นผัก ปลาหมึก เนื้อเหนียวๆควรหั่นให้เป็นชิ้นเล็กๆก่อนทาน ในช่วงที่มีการปรับเครื่องมือใหม่ๆจะมีอาการปวดตึงฟันให้ทานเบาๆและขอเป็นอาหารอ่อนๆไว้ก่อน หลังจากอาการตึงฟันน้อยลงแล้วจึงทานแข็งขึ้น เหนียวขึ้นได้

จัดฟันให้หน้าเรียวทำได้หรือไม่

จริงๆการจัดฟันไม่ได้มีผลโดยตรงต่อรูปหน้าของคนไข้ แต่ก็ส่งผลต่อรูปหน้าคนไข้ได้เช่นเดียวกัน การจัดฟันมุ่งเน้นให้มีการเรียงตัวของฟัน และการสบฟันที่ดีขึ้น ในการทำดั่งนี้ หากมีการเพิ่มความสูงของใบหน้าส่วนล่าง (Vertical dimension) ของคนไข้ ก็จะทำให้หน้าเรียวขึ้น และหากมีการทำให้ขากรรไกรแคบลงก็จะดูหน้าเรียวขึ้น แต่วัตถุประสงค์หลักคงมุ่งเน้นการจัดฟันให้ฟันอยู่ในลักษณะที่ถูกต้องเป็นหลัก ไม่ใช่คนไข้ทุกคนจะสามารถทำให้หน้าเรียวได้

ขั้นตอนการรักษา

ทันตกรรมเพื่อความงาม

ดูทั้งหมด
ดูทั้งหมด

TESTIMONIAL

OUR REAL CUSTOMER

คนไข้บอกต่อ

ลูกค้าจริงของเรา

คุณเนาวรัตน์ ยุกตะนันท์

*ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

คุณปอย ตรีชฎา

*ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

คุณร่มฉัตร พัฒนศิริ

*ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

ดร.ผาณิต กันตามระ กับการทำฟันให้สวยงามที่PMDC

*ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

ศกรณ์ฉัฐ แจ้งเจนเวทย์ (คุณจิ๊บ)

*ผลลัพธ์อาจแตกต่างกันไปในแต่ละบุคคล

หากคุณต้องการ
สร้างรอยยิ้มที่สวยงาม
PMDC ช่วยคุณได้

อ่านต่อ

CONTACT US

FREE CONSULTATION

ติดต่อเรา

ให้คำปรึกษาฟรี

สอบถามข้อมูลเพิ่มเติม

CAPTCHA
This question is for testing whether or not you are a human visitor and to prevent automated spam submissions.